การเพิ่มยอดขายด้วย Website vs Social Networks

Search Engine Optimization

การมีเว็บไซต์และทำ SEO: เครื่องมือระยะยาวที่สร้างยอดขายอย่างยั่งยืน บทความนี้จะเขียนให้เห็นภาพมุมกว้างระหว่างการลงทุนทำWebsiteและทำSEO กับ การมีแต่ Social Networks อย่างเดียว

หาก Social Media คือเครื่องมือที่ “เร็วและรุก” การมีเว็บไซต์พร้อม SEO คือเครื่องมือที่ “มั่นคงและรับ” ทั้งสองต่างมีบทบาทที่สำคัญในวงจรธุรกิจ การมองเห็นระยะสั้นเป็นเรื่องจำเป็น แต่การลงทุนเพื่ออนาคตด้วยเว็บไซต์ที่แข็งแรงก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ หากต้องการเพิ่มยอดขายแบบยั่งยืนและสร้างแบรนด์ให้เติบโตอย่างมั่นคง

แม้ Social Media จะให้ผลลัพธ์เร็ว เข้าถึงผู้คนง่าย และมีต้นทุนต่ำ แต่การมี “เว็บไซต์” ที่เสริมด้วยกลยุทธ์ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ ยังถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในระยะยาว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:

  1. เว็บไซต์คือทรัพย์สินดิจิทัลถาวร ต่างจาก Social Media ที่คุณไม่มีสิทธิ์ควบคุมแพลตฟอร์มอย่างแท้จริง เว็บไซต์คือพื้นที่ที่คุณเป็นเจ้าของ 100% ไม่มีนโยบายเปลี่ยน ไม่มีการปิดบัญชีโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
  2. SEO ช่วยดึงลูกค้าที่ “ต้องการซื้อ” จริงๆ เพราะผู้ค้นหาสินค้าผ่าน Google คือผู้ที่มีความต้องการแล้วในระดับหนึ่ง การที่เว็บไซต์คุณติดอันดับบนหน้าแรกจึงมีโอกาสปิดการขายได้สูงกว่า Social Media ซึ่งลูกค้าอาจยังไม่มีเจตนาซื้อจริง
  3. เสริมความน่าเชื่อถือและแบรนด์ ธุรกิจที่มีเว็บไซต์มักได้รับความไว้วางใจมากกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความมั่นใจ เช่น สินค้าราคาแพง การจองบริการ หรืองาน B2B
  4. ลดค่าโฆษณาในระยะยาว เมื่อ SEO เริ่มติดอันดับ การเข้าชมจาก Google Search จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาซ้ำซ้อน เหมาะกับการสร้างฐานลูกค้าแบบยั่งยืน
  5. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ดีกว่า เว็บไซต์สามารถติดตั้งเครื่องมืออย่าง Google Analytics, Search Console ฯลฯ ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและแม่นยำกว่า Social Analytics ในบางแง่มุม ช่วยให้ปรับกลยุทธ์การขายและเนื้อหาได้ตรงจุด

การทำธุรกิจโดยใช้แต่ Social Media แทนการมีเว็บไซต์ เพื่อลดต้นทุน มีโอกาสเพิ่มยอดขายได้ดีกว่าการทำ SEO อย่างไร?

ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนเข้าถึงข้อมูลและการสื่อสารได้ตลอด 24 ชั่วโมง การทำธุรกิจออนไลน์กลายเป็นทางเลือกหลักสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่หรือแม้กระทั่งธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ปัจจัยสำคัญในการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์มักวนเวียนอยู่กับการมีเว็บไซต์และการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google แต่ในช่วงหลังมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยเลือกใช้ “Social Media” เป็นแพลตฟอร์มหลักในการทำธุรกิจแทนการมีเว็บไซต์ เพื่อประหยัดต้นทุนและตอบโจทย์ลูกค้าได้ทันที บทความนี้จะสำรวจว่าแนวทางนี้มีข้อดีอย่างไร และสามารถเพิ่มยอดขายได้ดีกว่าการทำ SEO หรือไม่

1. ความพร้อมใช้งานและต้นทุนที่ต่ำกว่า

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ Social Media แทนเว็บไซต์ คือเรื่องของต้นทุน การสร้างเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและทำ SEO ต้องใช้เงินทุนและเวลาพอสมควร ตั้งแต่การจดโดเมน การซื้อโฮสติ้ง การออกแบบเว็บ การเขียนเนื้อหา ไปจนถึงการโปรโมตผ่าน SEO ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผล

ในทางกลับกัน การเปิดเพจ Facebook, บัญชี Instagram, TikTok หรือ LINE OA สามารถทำได้ฟรี ใช้เวลาไม่นาน และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แทบจะในทันที โดยเฉพาะหากใช้การ Boost post หรือยิงโฆษณา (Facebook Ads) ที่เริ่มต้นด้วยงบเพียงหลักร้อย ก็สามารถสร้างยอดขายได้ทันที ถือว่าเป็นทางเลือกที่ “เร็ว-ถูก-วัดผลได้”

2. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงและมีปฏิสัมพันธ์ทันที

Social Media เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ทำให้โอกาสในการปะทะสายตากลุ่มเป้าหมายมีสูงกว่าเว็บไซต์ทั่วไป การโพสต์คอนเทนต์ใหม่ การ Live ขายของ หรือแม้แต่การตั้ง Story ใน Instagram หรือ Facebook ทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์แบบ Real-time ลูกค้าสามารถสอบถาม พูดคุย สั่งซื้อสินค้าได้ทันที

ขณะที่การทำ SEO ต้องรอให้ลูกค้า Search เจอเว็บไซต์ของคุณก่อน และแม้จะติดอันดับแล้ว ก็ต้องหวังให้ลูกค้าคลิกเข้ามาและตัดสินใจซื้อ ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการที่ยาวและไม่แน่นอน การใช้ Social Media จึงตอบโจทย์เรื่องความเร็วและความใกล้ชิดกับลูกค้าได้ดีกว่า

3. สร้างแบรนด์และความไว้วางใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ

Social Media ไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องทางขายของ แต่ยังเป็นพื้นที่ในการสร้างตัวตนของแบรนด์ การโพสต์เนื้อหาที่สะท้อนตัวตนของธุรกิจ เช่น เบื้องหลังการผลิต รีวิวจากลูกค้า ความเคลื่อนไหวของร้าน หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของผู้ประกอบการเอง ช่วยให้ผู้ติดตามรู้สึกผูกพันและเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น

การสร้างความไว้วางใจผ่าน SEO และเว็บไซต์เพียงอย่างเดียวอาจทำได้ยากกว่า เพราะต้องพึ่งพาการออกแบบ UX/UI และบทความที่อาจดูห่างเหินหรือน่าเบื่อในสายตาผู้ใช้งาน Social Media กลับให้ความรู้สึกใกล้ชิดและจริงใจมากกว่า

4. การวัดผลและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

แพลตฟอร์ม Social Media ทุกเจ้ามีเครื่องมือวิเคราะห์ (Analytics) ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวัดผลแคมเปญได้ทันที เช่น จำนวนคนเข้าชม ยอดคลิก ยอดแชร์ หรือแม้แต่พฤติกรรมของผู้ติดตาม เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ ก็สามารถปรับปรุงแผนการตลาดได้อย่างรวดเร็ว เช่น เปลี่ยนเนื้อหา เปลี่ยนเวลาลงโพสต์ หรือปรับงบโฆษณาให้คุ้มค่ามากขึ้น

ในขณะที่ SEO เป็นกลยุทธ์ระยะยาว การเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ในหน้า Search Engine ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและมีความยืดหยุ่นสูง

5. เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือเพิ่งเริ่มต้น

ธุรกิจขนาดเล็กที่ยังไม่มีงบประมาณมาก การเลือกใช้ Social Media เป็นทางออกที่ดี เพราะไม่ต้องลงทุนในระบบขนาดใหญ่ มีทีมเล็ก ๆ ก็สามารถดูแลเพจหรือบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในแต่ละแพลตฟอร์มก็สามารถเลือกสื่อสารได้อย่างเหมาะสม เช่น ขายของวัยรุ่นผ่าน TikTok หรือกลุ่มผู้ใหญ่ผ่าน Facebook

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ การทุ่มงบไปกับ SEO อาจยังไม่คุ้มค่าหากไม่มีความรู้ด้านเทคนิคเพียงพอ หรือไม่มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ การใช้ Social Media ให้คล่องก่อนจึงเป็นก้าวแรกที่เหมาะสมกว่า

Social Media ไม่ได้ดีกว่า SEO เสมอไป แต่เหมาะสมกับเป้าหมายที่ต่างกัน

การใช้ Social Media เป็นแพลตฟอร์มหลักในการทำธุรกิจสามารถช่วยประหยัดต้นทุน เข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว และมีปฏิสัมพันธ์โดยตรง จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการยอดขายในระยะสั้น ต้องการความเร็ว และงบประมาณจำกัด อย่างไรก็ตาม หากมองในระยะยาว การมีเว็บไซต์และทำ SEO ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสร้างความน่าเชื่อถือถาวร เป็นทรัพย์สินดิจิทัลของธุรกิจที่ไม่มีวันหายไปแม้ Social Platform เปลี่ยนแปลง

ทางเลือกที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่ “เลือกข้างใดข้างหนึ่ง” แต่เป็นการใช้ทั้งสองอย่างร่วมกันอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการเข้าถึงลูกค้าเร็ว กับการวางรากฐานธุรกิจให้มั่นคงในระยะยาว

IA-Webhost-Domain-SEO

IA ยินดีให้บริการด้าน DIGITAL MARKETING